SOUTH OF THE BORDER , WEST OF THE SUN

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

- FOLLOW ME TO NEW BLOG -

-ตอนนี้เจ้าของบล็อค ไปอัพบล็อคอันใหม่อยู่นะครับ
ตามไปแวะเยี่ยมชมกันได้ที่บล็อคใหม่นะครับ
หลากหลายกว่าเดิม มีบทความใหม่อัพขึ้นบล็อคแล้วนะครับ ตามนี้เลยครับ
.
.
.
.
-โปรดติดตามครับ -

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย, โศกนาฏกรรมแห่งการรักถูกคน กับ คนถูกรัก

NORWEGIAN WOOD :
ด้วยรัก ความตาย และ หัวใจสลาย
สำนวนไทยคมบาดใจของ-นพดล-
.
.
เป็นเล่มที่สร้างชื่อเสียงกระหึ่มเกาะญี่ปุ่นให้กับ มูราคามิ ซึ่งทำยอดขายหลายล้านเล่มในญี่ปุ่น ตีพิมพ์ ในปี 1987 อายุ ผม เพิ่งได้5ขวบปี ในตอนนั้น แต่หลังจากนั้น อีกเกือบ20ปี หนังสือเล่มนี้ได้เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด มุมมอง และการใช้ชีวิตของ ผมไปโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นหนังสือเล่มที่ ผม รู้สักว่ารัก ไม่ใช่แค่ชอบ หรือ ประทับใจเมื่ออ่านจบ ผม รู้สึกรักมันจริงๆ
.
.
เรื่องราวของ norwegian wood เริ่มขึ้นที่สนามบิน ขณะที่ ผม หรือ วาตานาเบะ ขณะเครื่องบินลงจอด และ เสียงบรรเลงออร์เคสตรา นอร์วีเจียน วูด ของ Beatles ดังขึ้น ทำให้ ผม กลับไปหวนนึกถึงรักแรกของเขาและเธอ นาโอโกะ เรื่องราวครั้งวันวานก็หวนกลับมาทำให้ ผม ต้องทรมานกับความทรงจำอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
.
.
การที่เราจะรักใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ในความรู้สึกของ ผม แต่สิ่งที่ยากกว่าหลายร้อยเท่า และ ไม่สามารถวิเคราะห์หรือตีความได้ คือ การรักให้ถูกคนต่างหาก เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา บางครั้งเวลาที่ใช้ไปนานแสนนาน ก็ทำให้เราได้รู้ว่าคนคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่ถูกสำหรับเรา นั่นแหละคือ "ทัณฑ์ทรมาน" ยืมคำคุณนพดล จากเล่มวิ่งมาใช้ เหมือนกับ วาตานาเบะ ที่รัก นาโอโกะ อย่างที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้ แม้กระทั่ง รับปากกับ นาโอโกะ ว่า "อย่าลืมฉัน" ทั้งที่ในภายหลังความทรงจำเหล่านั้นจะทรมานเขาเพียงใดก็ตาม
.
.
ในขณะที่เรากำลังใช้เวลาที่จะพิสูจน์หรือยืนยัน ว่ารักถูกคนหรือไม่นั้น เราก็อาจตกเป็นคนถูกรัก ได้เหมือนกัน แต่เป็นการถูกรักจากคนอีกคน ที่รู้ทั้งรู้เหมือนกันว่าเขารักไม่ถูกคน โลกของเราบางครั้งก็เล่นตลกกับความรัก สุดท้ายกว่าคนทั้งคู่ ที่เหมาะสม และเป็นรักที่ถูกคนของคนที่ถูกรัก ก็อาจสายเกินไป จนเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้ อย่างเช่น มิโดริ ที่รัก วาตานาเบะ ไม่ว่าจะเป็นจากความใกล้ชิด หรือ จากสิ่งอื่นใดก็ตาม แต่ก็ทำให้ วาตานาเบะ กลายเป็นคนถูกรัก โดยไม่รู้ตัว และสุดท้ายกว่าการตัดสินใจตัดใจจาก วาตานาเบะ จะเกิดขึ้น มิโดริ ก็ได้ออกจากชีวิตของเขาไปแล้ว จนมีหลายอย่างในตัวเธอที่เปลี่ยนไป ฟางเส้นสุดท้าย เป็นตอนที่ มิโดริ ยื่นจดหมายให้ วาตานาเบะ ที่สถานีรถไฟและกำชับให้อ่านตอนแยกจากกัน ประเด็นสำคัญคือผมทรงใหม่ของ มิโดริ และ วาตานาเบะ ไม่ได้สนใจ หรือสังเกตเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นแหละ คือสื่งที่ ผม คิดว่ามันคือทัณฑ์ทรมาน ของการแอบรักที่ไม่ถูกคน
.
.
ผม อ่านเล่มนี้สองรอบ ทั้งสองรอบ ผม หลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อายใคร น่าแปลก น้ำตาในการอ่านรอบที่สอง กลับมากกว่าในรอบแรกเสียด้วยซ้ำ จะมีใครเข้าใจโศกนาฏกรรม เหล่านี้ได้ดี ถ้าไม่ใช่คนที่เคยประสบพบเจอมา ผม ไม่แน่ใจว่า มูราคามิ จะเคยเป็นคนถูกรัก หรือ แอบรักไม่ถูกคน หรือเปล่า แต่สิ่งที่ มูราคามิ เขียนออกมา ได้ทำให้สิ่งต่างๆที่เคยค้นไม่เจอคำตอบ รวมไปถึงความรู้สึกต่างๆ ทั้งความแปลกแยก ความเหงา เปลี่ยว ถูกตีแผ่อยู่ต่อหน้าต่อตาคนอ่าน หากอยู่ที่ใครจะเข้าใจ เข้าถึงมันได้เท่านั้นเอง
.
.
ความรักบางครั้งไม่ต้องการสิ่งใดเลย แม้กระทั่งเหตุผล
-แด่เธอ ผู้ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมแห่งหัวใจสลาย -วาตานาเบะ นาโอโกะ มิโดริ-
-ตัวหนังสือของคุณบาดใจ ผม มานานแสนนาน - HARUKI MURAKAMI -
-สำนวนของคุณกินใจ ผม เหลือเกิน - นพดล เวชสวัสดิ์ -



วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

what i talk about when i talk about running


ปฐมฤกษ์แห่งการเขียนบล็อคของ ผม หลังที่ตามอ่านของท่านอื่นมานาน

ผมอยากเขียนความรู้สึกที่มีต่อ นักเขียน ในดวงใจของ ผม มานานแล้ว เริ่มด้วยเรื่องนี้ล่ะกันครับ อินเทรนด์

.

.

-what i talk about when i talk about running -

"ฮารูกิ มูราคามิ" แปลโดยนักแปลในดวงใจเช่นกันครับ
คุณนพดล เวชสวัสดิ์ , อยากรู้ว่าคนอื่นคิดเหมือนกันรึเปล่าหลังจากอ่านเล่มนี้
ไม่ว่าจะเป็นสาวก เฮียมู รึเปล่า จะอ่านเป็นเล่มแรกหรืออย่างไร อยากได้ยินคนที่อ่านเล่มนี้ว่าคิดยังไงกัน
ผม เป็นสาวก เฮียมู มานาน อ่านทุกเล่มที่แปลเป็นไทยแล้ว (เล่มยังไม่แปล ยังไม่มีปัญญาอ่าน55+)
.

เล่มนี้แตกต่างจากเล่มอื่นๆ คือไม่ได้เป็นนิยาย หรือเรื่องราวอะไร แต่เป็นเรื่องของ มูราคามิ เอง เล่าเรื่องของตัวเองทั้งเล่ม ผ่านความรักในการวิ่งของเค้าเอง (แอบแปลกใจไม่นึกว่าเฮียแกจะรักการวิ่งขนาดนั้น) ระหว่างเล่าเรื่องของตัวเอง ก็จะสอดแทรกความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง ทั้งเรื่องราวการใช้ชีวิต เรื่องราวงานเขียน มีบางตอนเล่าเรื่องระหว่างงานเขียนช่วงแรกของเค้าเอง อย่างในไตรภาคมุสิก เปรียบเทียบไปพร้อมพร้อมกับการวิ่ง การวิ่งในที่นี้เป็นการวิ่งมาราธอน และมีอัลตร้ามาราธอนด้วยนะ พอช่วงหลังๆ จะเป็นการลงแข่งในรายการไตรกีฬาด้วย ตัวเล็กอย่างเฮียแก เก่งไม่ใช่เล่นนะครับ

.
ระหว่างอ่านเหมือนเราได้นั่งคุยกับ มูราคามิ เลยครับ ด้วยความที่รักในงานเขียนของเฮียมาก เลยรู้สึกอินกับเล่มนี้เป็นพิเศษ ได้รู้จักเฮียแกมากยิ่งขึ้น จากที่เรารู้จักผ่านตัวหนังสือที่เป็นเรื่องราว นิยาย บทความต่างๆ แต่อ่านเล่มนี้เหมือนได้ใช้ชีวิตวิ่งร่วมทางไปกับ มูราคามิ เลยครับ

.
คนที่เคยอ่านงานของ มูราคามิ ผ่านสำนวนคมคมของ คุณนพดล มาแล้ว น่าจะติดใจเล่มนี้ได้ไม่ยาก และคนที่ไม่เคยอ่านงานของ มูราคามิ เลย อาจเพราะแอบหมั่นไส้ หรือ อย่างไรก็ตาม เมื่อจบแล้วน่าจะอยากหยิบงาน เฮียมู มาอ่านสักเล่มก็เป็นได้ ขนาด ผม อ่านทุกเล่มที่แปลหมดแล้ว ยังอยากหยิบมาอ่านรอบสองรอบสามเลยครับ(ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในช่วงวิกฤตฟองสบู่หนังสือจากงานหนังสือที่ผ่านมา กองรอให้อ่านอีกหลายสิบเล่ม)

.

.

หนังสือเล่มนี้เป็นแรงผลักดันให้ ผม ลุกขึ้นมาทำบล็อคตัวเองซะที(แม้ไม่รู้จะมีใครผ่านมาเจอบ้างรึเปล่า) และยังแอบมีกำลังใจต่อเนื่อง เขียนหนังสือให้ได้สักเล่ม โดยมีเค้าเป็นแรงบันดาลใจ

'' HARUKI MURAKAMI''